เมืองที่มีเสน่ห์
วิถีชีวิตผู้คนและวัฒนธรรมท้องถิ่น
มันเป็นสิ่งนึง ที่ทำให้นักเดินทางหลงไหล และอยากที่จะไปสัมผัส
เช้าวันนี้ ตื่นขึ้นด้วยเสียงทะเลาะกันระหว่างแม่กับหลาน... เรื่องพัดลม...
เหอะๆแอร์ก็เปิด แต่ยังแย่งพัดลมกันอีกซะงั้น...
ผมเลยรีบอาบน้ำแต่งตัว แบกกระเป๋าสะพายกล้อง
เพื่อที่จะเริ่มการเดินทางวันนี้ ที่สถานีรถไฟวงเวียนใหญ่ และให้ทันรถไฟรอบ 7 โมงเช้า
เช้านี้ถึงจะเป็นวันหยุด แต่ที่นี่ผมก็ยังเห็นคนมารอขึ้นรถไฟกันเยอะอยู่นะ
ก็คงไม่แปลก เพราะทางรถไฟสายนี้เป็นสายหลักของการเดินทาง
ระหว่างกรุงเทพ กับ มหาชัย
ที่นี่คือ สถานีรถไฟวงเวียนใหญ่
ของกินก็มีเยอะแยะ.... วิถีชีวิตก็มีหลากหลาย... สงสัยวันนี้จะมีตลาดนัด....หรือมีทุกวันหว่า
รถไฟมา...เกือบตรงเวลาดีเหมือนกัน..... จากประสบการณ์การขึ้นรถไฟ
ปกติแล้วถ้าเราขึ้นรถไฟจากสถานีต้นทาง ก็มักจะมาตรงเวลาอยู่
แต่เมื่อไปถึงสถานีปลายทาง มักจะเลยเวลาที่กำหนดไว้
ก็คงเป็นผลมาจาก จะมีบางช่วงของเส้นทาง ที่จะต้องหยุดให้อีกคันที่สวนทางมาไปก่อน
และถ้ารถไฟขบวนที่เรานั่ง เป็นชั้น 3 นะ.... เหอะๆๆ รอไปก่อนเถอะ
แล้ววันนี้ เมื่อรถไฟมาตรงเวลา.....ก็เลย อดหาอะไรกินที่สถานีเลย.....
บนรถไฟวันนี้คนไม่ค่อยเยอะมาก อาจเป็นเพราะเป็นวันเสาร์ก็ได้....
ถ้าเป็นวันธรรมดา ก็จะมีทั้งนักเรียน นักศึกษา และคนวัยทำงาน
ที่อาศัยรถไฟเป็นพาหนะไปสู่จุดหมาย แต่วันนี้วันหยุด....
คนก็เลยไม่เยอะแยะ มากนัก
ใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก็มาถึงจุดหมายแรกของผมวันนี้.... มหาชัย...
เหมือนทุกๆครั้งที่ผมเดินทางมาที่นี่เลย.... คนเยอะมากกกกกก....
เนื่องจากอาหารทะเลที่นี่ จะสดใหม่อยู่ทุกวัน และสินค้าอย่างอื่นก็มีเยอะแยะ
ที่นี่ก็เลยเป็นตลาดที่มีชื่อเสียง และมีผู้คนเดินทางมาจับจ่ายซื้อของกันจากทุกสารทิศ
ถึงอาหารทะเลเยอะแยะมากมาย แต่ก็ไม่มีปัญญาซื้อ
ไม่ใช่อะไรนะ ไม่รู้จะเอาไปทำกินยังไง คืนนี้ไม่มีที่ทำกิน... โอ๊ยยย เสียดาย
เดินดูให้อยากไปเล่นได้ซักพัก ก็ได้เวลามุ่งหน้าไปต่อ
ใครไปใครมาที่มหาชัย ที่นึงที่ควรแวะซะหน่อยก็คือ
ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง (เจ้าพ่อวิเชียรโชติ)
ซึ่งประดิษฐานอยู่ในบริเวณศาลหลักเมืองสมุทรสาคร
เป็นที่เคารพสักการะของผู้คนเมืองมหาชัยและจังหวัดใกล้เคียง
ส่วนด้านหลังจะเป็นเสาหลักเมือง และศาลพระสังกัจจายน์
ไหว้แล้วก็ให้ครบดิ ไหนๆก็มาแล้ว
ไหว้ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองเสร็จ ชีวิตก็เริ่มเปลี่ยน...
ที่เห็นชัดๆเลยอันดับแรก... ชีวิตเปลี่ยนจากเดินทางด้วยรถไฟ เปลี่ยนเป็นต้องไปเดินทางด้วยเรือ....
ชีวิตริมแม่น้ำท่าจีน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นชาวประมง
วิถีชีวิตแบบชาวประมงเลยมีเรือจอดเต็มไปหมดเลย...
---------------------------------------
“ท่าฉลอมกับมหาชัย จะคิดทำไมว่าไกล เชื่อมความรักไว้ดีกว่า”
เสียงเพลงดังก้องขึ้นในหัว เมื่อก้าวออกจากเรือขึ้นฝั่งที่ท่าฉลอม
ท่าฉลอม เป็นหมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่
จึงไม่แปลกที่จะเห็นอาหารทะเลสดๆวางขายมากมาย
แต่ส่วนใหญ่ที่ผมเห็นจะเป็นอาหารทะเลตากแห้งนะ
แต่ก็ไม่ได้คึกคักเหมือนกับที่มหาชัยหรอกนะครับ
หรือว่ามาผิดเวลาหว่า....
ถึงท่าฉลอม เลี้ยวขวาไปทางสถานีรถไฟ...ก็จะเจอกับวัดแหลมสุวรรณาราม
วัดนี้เป็นวัดที่มีพระอุโบสถไม้ที่สวยงามมากอยู่ เป็นศิลปะสมัยอยุธยาตอนปลาย
ซึ่งก็ว่ากันตามตรง ผมไม่รู้ประวัติวัดนี้เลย และไปหาเซิร์สในเน็ตแล้ว
ก็หาไม่เจอจริงๆ เลยไม่รู้จะเอามาบอกเล่ายังไง เพราะวันไปก็ไม่ได้เจอพระซักรูป
ก็เลยไม่ได้ถามมาให้เป็นความรู้..... ซอรี่ๆๆๆๆ ซออู้ๆๆๆๆ ซอด้วงๆๆๆๆๆ
ตอนแรกว่าจะนั่งรถไฟจากบ้านแหลมไปแม่กลองแบบชิลๆ
แต่ก็ต้องเซ็งกันไปเพราะช่วงนี้ เขาซ่อมทางรถไฟ เที่ยววิ่งจึงเปลี่ยน
มีอีกทีเที่ยง ก็อย่างว่าไม่ได้เช็คให้ดีก่อน แหม สมน้ำหน้าตัวเองจริงๆ
เหลือบดูนาฬิกาเพิ่ง 10 โมง เลยตัดสินใจนั่งเรือกลับมหาชัยดีกว่า แบบ...ผิดหวังเล็กๆ
การนั่งเรือข้ามฝากระหว่างมหาชัยกับท่าฉลอม เป็นวิถีชีวิตของคนที่นี่อยู่แล้ว
ก็แปลกตานิดๆสำหรับคนเมืองอย่างผม และก็รู้สึกถึงความเรียบง่ายดีจัง
นั่งรถตู้จากมหาชัยไม่นานก็มาถึงแม่กลอง
ระยะทางประมาณ 30 กิโล ถึอว่าไม่ไกลนักระหว่าง 2 เมืองนี้
แม่กลองเป็นเมืองเล็กๆที่หนาแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยว
เหตุผลหลักอันดับแรกที่ผมมาเมืองแม่กลองบ่อยๆ ก็เพราะที่นี่ครับ
วัดเพชรสมุทรวรวิหาร หรือวัดบ้านแหลม
เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปยืนอุ้มบาตร คือหลวงพ่อบ้านแหลม
เป็นพระที่ผมนับถือมากที่สุดในพระพี่น้องทั้ง 5 องค์
(หรือทั้ง 3 องค์แล้วแต่ตำนาน)
ในวัดจะมีผู้คนมากมากแวะเวียนเข้ามาสักการบูชาหลวงพ่อ ตลอดทั้งวัน
เอิ่มมมม.... เยอะมากจริงๆ
หลายคนมาขอพร หลายคนมาบนบาน แต่สำหรับผม....มาทำบุญให้ใครบางคน
ความเชื่อของแต่ละคนอาจจะต่างกัน แต่สิ่งที่ทุกๆคนจะมีเหมือนๆกัน
คือความศรัทธาในสิ่งที่เราเชื่อ.....
ไหว้พระเสร็จ ก็ถึงเวลาชิลดิ.... ลุยเลยล่ะกัน....
สถานีรถไฟแม่กลองเป็นสถานที่สำคัญอีกแห่งของที่นี่
ถ้ามาแม่กลองไม่แวะมาถ่ายรูปที่สถานีรถไฟแม่กลองก็ถือว่ามาไม่ถึงแม่กลอง... อิอิ
จริงเปล่าไม่รู้ แต่เห็นเขาทำกันอ่ะ...
ที่หน้าสถานีก็จะมีของที่ระลึกของการรถไฟขายด้วยนะครับ ใครสนใจลองไปหาดูได้นะครับ
และที่เห็นอยู่เหมือนทุกๆที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว...
ต้องมีเสื้อที่ระลึกขาย... และแม่กลองก็ไม่มีพลาดเหมือนกัน.....
เดินกันให้เมื่อยกันไป แล้วซักพักนึงเมื่อดูแล้ว.... ไม่มีอะไรแล้ว...
ก็ถึงเวลาไปต่อ ยังมีอีกเยอะที่จะไป..... เหอะๆๆๆ
ว่าแล้วก็กระโดดขึ้นรถเมล์เขียว สาย 333 แม่กลอง-ราชบุรี
สู่จุดหมายปลายทางต่อไป วัดเกาะแก้ว....
ที่วัดเกาะแก้วมีอะไร
นั่นก็เป็นคำถามที่ถูกตั้งให้กับตัวเองเหมือนกัน
ตอนที่มีใครซักคนแนะนำให้ผมมาที่นี่
และคำถามต่างๆก็คลี่คลาย เมื่อมาถึงที่นี่
สถานที่แห่งนี้ก็คือที่ตั้งของ ตลาดน้ำบางน้อย
ตลาดน้ำบางน้อย เป็นตลาดน้ำเล็กๆที่ยังคงความเป็นท้องถิ่นอยู่เยอะมาก
จะมี 2 ฝั่งคลอง ฝั่งทิศเหนือจะเงียบหน่อย
ด้วยอาจเป็นเพราะยังคงความเป็นที่อยู่อาศัยของคนท้องถิ่นอยู่เยอะ
ส่วนฝั่งทิศใต้จะคึกคักกว่า เพราะมีร้านค้า ร้านอาหาร อยู่หลากหลายมากกว่า
แล้วความเป็นอาร์ตของทางฝั่งนี้ ค่อนข้างดูดีกว่า
ผมว่าผมชอบที่นี่นะ มันดูสบายๆดี ไม่วุ่นวาย ช้าๆ เรียบง่าย
ถ้าใครชอบบรรยากาศแบบนี้ ลองมาดูซักครั้งนะครับ แล้วจะติดใจ
เรื่องราวในทริปนี้ของผม มันยังไม่จบแค่นี้
ไว้มีเวลาจะมาเล่าต่อ....
และที่นี่ ทำให้ผมรู้จักวิถีชีวิตใหม่ๆของผู้คน ที่ผมไม่เคยรู้จัก
ถ้าไม่ออกมาเรียนรู้ ก็คงเป็นคนไม่รู้ ที่อยู่แต่ในกะลา
วิถีชีวิตผู้คนและวัฒนธรรมท้องถิ่น
มันเป็นสิ่งนึง ที่ทำให้นักเดินทางหลงไหล และอยากที่จะไปสัมผัส
เช้าวันนี้ ตื่นขึ้นด้วยเสียงทะเลาะกันระหว่างแม่กับหลาน... เรื่องพัดลม...
เหอะๆแอร์ก็เปิด แต่ยังแย่งพัดลมกันอีกซะงั้น...
ผมเลยรีบอาบน้ำแต่งตัว แบกกระเป๋าสะพายกล้อง
เพื่อที่จะเริ่มการเดินทางวันนี้ ที่สถานีรถไฟวงเวียนใหญ่ และให้ทันรถไฟรอบ 7 โมงเช้า
เช้านี้ถึงจะเป็นวันหยุด แต่ที่นี่ผมก็ยังเห็นคนมารอขึ้นรถไฟกันเยอะอยู่นะ
ก็คงไม่แปลก เพราะทางรถไฟสายนี้เป็นสายหลักของการเดินทาง
ระหว่างกรุงเทพ กับ มหาชัย
ที่นี่คือ สถานีรถไฟวงเวียนใหญ่
ของกินก็มีเยอะแยะ.... วิถีชีวิตก็มีหลากหลาย... สงสัยวันนี้จะมีตลาดนัด....หรือมีทุกวันหว่า
รถไฟมา...เกือบตรงเวลาดีเหมือนกัน..... จากประสบการณ์การขึ้นรถไฟ
ปกติแล้วถ้าเราขึ้นรถไฟจากสถานีต้นทาง ก็มักจะมาตรงเวลาอยู่
แต่เมื่อไปถึงสถานีปลายทาง มักจะเลยเวลาที่กำหนดไว้
ก็คงเป็นผลมาจาก จะมีบางช่วงของเส้นทาง ที่จะต้องหยุดให้อีกคันที่สวนทางมาไปก่อน
และถ้ารถไฟขบวนที่เรานั่ง เป็นชั้น 3 นะ.... เหอะๆๆ รอไปก่อนเถอะ
แล้ววันนี้ เมื่อรถไฟมาตรงเวลา.....ก็เลย อดหาอะไรกินที่สถานีเลย.....
บนรถไฟวันนี้คนไม่ค่อยเยอะมาก อาจเป็นเพราะเป็นวันเสาร์ก็ได้....
ถ้าเป็นวันธรรมดา ก็จะมีทั้งนักเรียน นักศึกษา และคนวัยทำงาน
ที่อาศัยรถไฟเป็นพาหนะไปสู่จุดหมาย แต่วันนี้วันหยุด....
คนก็เลยไม่เยอะแยะ มากนัก
ใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก็มาถึงจุดหมายแรกของผมวันนี้.... มหาชัย...
เหมือนทุกๆครั้งที่ผมเดินทางมาที่นี่เลย.... คนเยอะมากกกกกก....
เนื่องจากอาหารทะเลที่นี่ จะสดใหม่อยู่ทุกวัน และสินค้าอย่างอื่นก็มีเยอะแยะ
ที่นี่ก็เลยเป็นตลาดที่มีชื่อเสียง และมีผู้คนเดินทางมาจับจ่ายซื้อของกันจากทุกสารทิศ
ถึงอาหารทะเลเยอะแยะมากมาย แต่ก็ไม่มีปัญญาซื้อ
ไม่ใช่อะไรนะ ไม่รู้จะเอาไปทำกินยังไง คืนนี้ไม่มีที่ทำกิน... โอ๊ยยย เสียดาย
เดินดูให้อยากไปเล่นได้ซักพัก ก็ได้เวลามุ่งหน้าไปต่อ
ใครไปใครมาที่มหาชัย ที่นึงที่ควรแวะซะหน่อยก็คือ
ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง (เจ้าพ่อวิเชียรโชติ)
ซึ่งประดิษฐานอยู่ในบริเวณศาลหลักเมืองสมุทรสาคร
เป็นที่เคารพสักการะของผู้คนเมืองมหาชัยและจังหวัดใกล้เคียง
ไหว้แล้วก็ให้ครบดิ ไหนๆก็มาแล้ว
ไหว้ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองเสร็จ ชีวิตก็เริ่มเปลี่ยน...
ที่เห็นชัดๆเลยอันดับแรก... ชีวิตเปลี่ยนจากเดินทางด้วยรถไฟ เปลี่ยนเป็นต้องไปเดินทางด้วยเรือ....
ชีวิตริมแม่น้ำท่าจีน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นชาวประมง
วิถีชีวิตแบบชาวประมงเลยมีเรือจอดเต็มไปหมดเลย...
---------------------------------------
“ท่าฉลอมกับมหาชัย จะคิดทำไมว่าไกล เชื่อมความรักไว้ดีกว่า”
เสียงเพลงดังก้องขึ้นในหัว เมื่อก้าวออกจากเรือขึ้นฝั่งที่ท่าฉลอม
ท่าฉลอม เป็นหมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่
จึงไม่แปลกที่จะเห็นอาหารทะเลสดๆวางขายมากมาย
แต่ส่วนใหญ่ที่ผมเห็นจะเป็นอาหารทะเลตากแห้งนะ
แต่ก็ไม่ได้คึกคักเหมือนกับที่มหาชัยหรอกนะครับ
หรือว่ามาผิดเวลาหว่า....
ถึงท่าฉลอม เลี้ยวขวาไปทางสถานีรถไฟ...ก็จะเจอกับวัดแหลมสุวรรณาราม
วัดนี้เป็นวัดที่มีพระอุโบสถไม้ที่สวยงามมากอยู่ เป็นศิลปะสมัยอยุธยาตอนปลาย
ซึ่งก็ว่ากันตามตรง ผมไม่รู้ประวัติวัดนี้เลย และไปหาเซิร์สในเน็ตแล้ว
ก็หาไม่เจอจริงๆ เลยไม่รู้จะเอามาบอกเล่ายังไง เพราะวันไปก็ไม่ได้เจอพระซักรูป
ก็เลยไม่ได้ถามมาให้เป็นความรู้..... ซอรี่ๆๆๆๆ ซออู้ๆๆๆๆ ซอด้วงๆๆๆๆๆ
ตอนแรกว่าจะนั่งรถไฟจากบ้านแหลมไปแม่กลองแบบชิลๆ
แต่ก็ต้องเซ็งกันไปเพราะช่วงนี้ เขาซ่อมทางรถไฟ เที่ยววิ่งจึงเปลี่ยน
มีอีกทีเที่ยง ก็อย่างว่าไม่ได้เช็คให้ดีก่อน แหม สมน้ำหน้าตัวเองจริงๆ
เหลือบดูนาฬิกาเพิ่ง 10 โมง เลยตัดสินใจนั่งเรือกลับมหาชัยดีกว่า แบบ...ผิดหวังเล็กๆ
การนั่งเรือข้ามฝากระหว่างมหาชัยกับท่าฉลอม เป็นวิถีชีวิตของคนที่นี่อยู่แล้ว
ก็แปลกตานิดๆสำหรับคนเมืองอย่างผม และก็รู้สึกถึงความเรียบง่ายดีจัง
นั่งรถตู้จากมหาชัยไม่นานก็มาถึงแม่กลอง
ระยะทางประมาณ 30 กิโล ถึอว่าไม่ไกลนักระหว่าง 2 เมืองนี้
แม่กลองเป็นเมืองเล็กๆที่หนาแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยว
เหตุผลหลักอันดับแรกที่ผมมาเมืองแม่กลองบ่อยๆ ก็เพราะที่นี่ครับ
วัดเพชรสมุทรวรวิหาร หรือวัดบ้านแหลม
เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปยืนอุ้มบาตร คือหลวงพ่อบ้านแหลม
เป็นพระที่ผมนับถือมากที่สุดในพระพี่น้องทั้ง 5 องค์
(หรือทั้ง 3 องค์แล้วแต่ตำนาน)
ในวัดจะมีผู้คนมากมากแวะเวียนเข้ามาสักการบูชาหลวงพ่อ ตลอดทั้งวัน
เอิ่มมมม.... เยอะมากจริงๆ
หลายคนมาขอพร หลายคนมาบนบาน แต่สำหรับผม....มาทำบุญให้ใครบางคน
ความเชื่อของแต่ละคนอาจจะต่างกัน แต่สิ่งที่ทุกๆคนจะมีเหมือนๆกัน
คือความศรัทธาในสิ่งที่เราเชื่อ.....
ไหว้พระเสร็จ ก็ถึงเวลาชิลดิ.... ลุยเลยล่ะกัน....
สถานีรถไฟแม่กลองเป็นสถานที่สำคัญอีกแห่งของที่นี่
ถ้ามาแม่กลองไม่แวะมาถ่ายรูปที่สถานีรถไฟแม่กลองก็ถือว่ามาไม่ถึงแม่กลอง... อิอิ
จริงเปล่าไม่รู้ แต่เห็นเขาทำกันอ่ะ...
ที่หน้าสถานีก็จะมีของที่ระลึกของการรถไฟขายด้วยนะครับ ใครสนใจลองไปหาดูได้นะครับ
และที่เห็นอยู่เหมือนทุกๆที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว...
ต้องมีเสื้อที่ระลึกขาย... และแม่กลองก็ไม่มีพลาดเหมือนกัน.....
เดินกันให้เมื่อยกันไป แล้วซักพักนึงเมื่อดูแล้ว.... ไม่มีอะไรแล้ว...
ก็ถึงเวลาไปต่อ ยังมีอีกเยอะที่จะไป..... เหอะๆๆๆ
ว่าแล้วก็กระโดดขึ้นรถเมล์เขียว สาย 333 แม่กลอง-ราชบุรี
สู่จุดหมายปลายทางต่อไป วัดเกาะแก้ว....
ที่วัดเกาะแก้วมีอะไร
นั่นก็เป็นคำถามที่ถูกตั้งให้กับตัวเองเหมือนกัน
ตอนที่มีใครซักคนแนะนำให้ผมมาที่นี่
และคำถามต่างๆก็คลี่คลาย เมื่อมาถึงที่นี่
สถานที่แห่งนี้ก็คือที่ตั้งของ ตลาดน้ำบางน้อย
ตลาดน้ำบางน้อย เป็นตลาดน้ำเล็กๆที่ยังคงความเป็นท้องถิ่นอยู่เยอะมาก
จะมี 2 ฝั่งคลอง ฝั่งทิศเหนือจะเงียบหน่อย
ด้วยอาจเป็นเพราะยังคงความเป็นที่อยู่อาศัยของคนท้องถิ่นอยู่เยอะ
ส่วนฝั่งทิศใต้จะคึกคักกว่า เพราะมีร้านค้า ร้านอาหาร อยู่หลากหลายมากกว่า
แล้วความเป็นอาร์ตของทางฝั่งนี้ ค่อนข้างดูดีกว่า
ผมว่าผมชอบที่นี่นะ มันดูสบายๆดี ไม่วุ่นวาย ช้าๆ เรียบง่าย
ถ้าใครชอบบรรยากาศแบบนี้ ลองมาดูซักครั้งนะครับ แล้วจะติดใจ
เรื่องราวในทริปนี้ของผม มันยังไม่จบแค่นี้
ไว้มีเวลาจะมาเล่าต่อ....
และที่นี่ ทำให้ผมรู้จักวิถีชีวิตใหม่ๆของผู้คน ที่ผมไม่เคยรู้จัก
ถ้าไม่ออกมาเรียนรู้ ก็คงเป็นคนไม่รู้ ที่อยู่แต่ในกะลา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น